วันจันทร์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

พฤติกรรมของผู้บริโภค ที่นักการตลาดควรรู้

7 พฤติกรรมของผู้บริโภค
   
   

  ในวาระที่ อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ ฉลองครบรอบ 22 ปี อีเวนต์เอเจนซี่อันดับ 1 ของประเทศไทย ได้
จัดงานสัมนา ICV TURN ON 2013 โดยมีหัวข้อที่น่าสนใจจาก คุณ สรินพร จิวานันท์ กรรมการผู้จัดการ
บริษัท เอ็นไวรอเซลล์ ประเทศไทย จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภค ได้เปิดเผยให้
เห็นถึงนิสัยของผู้บริโภคคนไทย ที่เกิดขึ้นจริงและต่อเนื่องเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน โดยได้แบ่งไว้ 7 ข้อด้วย
กันดังนี้

    1. ขอเกาะกระแสไว้ก่อน
      คุณ สรินพร ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับการทำตัวให้อยู่ในกระแสซึ่งเป็นพฟติกรรมที่อยู่ใน DNA ของมนุษย์ทุกยุคทุกสมัย และในปัจจุบันยังมีสิ่งที่ออกมายั่วใจอีก ทั้งสมาร์ทโฟน โซเชียลมีเดีย ต่างๆที่ดึงดูดให้คนตามกระแสได้ง่าย

    2. เชื่อคนอื่น
      คนเราปัจจุบันจะเชื่อคนรอบตัวก่อน ไม่ว่าจะเป็นญาติหรือเพื่อนสนิท จากการศึกษาพฤติกรรมจากผู้บริโภคทั่วโลกรวมถึงคนไทยด้วยจะเห็นได้ว่า  ปัจจุบันนี้ก่อนที่ผู้บริโภคจะตัดสินใจซื้อสินค้าจะมีการค้นคว้าหาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ต สินค้าที่ทำยอดจากภาพยนตร์โฆษณานั้นมียอดลดลงเหลือเพียง 47%  ขณะที่มีการเชื่อถือแบบปากต่อปากมีมากถึง 97% และที่ตามมาติดๆคือโลกออนไลน์นี่เอง ไม่ว่าจะเป็นการดูทีวีออนไลน์ ท่องอินเตอร์เน็ต หรือ ชอปออนไลน์โดยมีสัดส่วนอยู่ที่ 67-81%เลยทีเดียว
  
    3. ของดีต้องแบ่งปัน
      โดยส่วนใหญ่คอนเทนต์ที่คนนิยมแชร์ จะมีอยู่ 4 ลักษณะ
    * ดูแล้วชอบ
    * เมื่อนำมาแชร์บนโซเชียลมีเดีย แล้วทำให้คนแชร์ดูดี
    * คอนเทนต์ที่แชร์แล้วมีประโยชน์กับผู้แชร์หรือเพื่อน
    * มีประโยชน์กับสังคม

    4. ไม่เคยทนรอ
      ผู้บริโภคในยุคปัจจุบันไม่เคยอดทนรออะไรได้ โดยเฉพาะกับลูกค้าธนาคารที่ต้องมารอทำธุรกรรมจะมีความรู้สึกว่าตัวเอง รอคิวนานกว่าปกติ เช่นรอ 1 นาที ก็คิดว่ารอมาแล้ว 5 นาที จึงทำให้ธนาคารเกิดบริการ Internet Banking และ ตู้โอนเงิน ฝากเงินอัตโนมัติ รองรับความต้องการของผู้บริโภคตลอด 24 ชั่วโมง ไปจนถึงบริการ Fingerprint Payment  ที่เพียงแค่รูดนิ้วก็สามารนถยืนยันการชำระค่าสินค้าได้ โดยบริการนี้เริ่มต้นใช้งานใน สหรัฐอเมริกาและยุโรปบางประเทศ

    5. คนขี้เกียจคิด
      ในยุคที่ข้อมูลข่าวสารพรั่งพรู พร้อมที่จะไหลเข้ามาสู่ผู้บริโภค แถมข้อมูลยังหาง่ายซะด้วย อีกอย่างปัจจุบันคนเรามีกิจกรรมเยอะขึ้นเพราะต้องแข่งขันกันในสังคม จึงต้องมีผู้ผลิตหรือเจ้าของผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการได้ โดยที่ประหยัดเวลาที่สุด เช่น โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่องที่ทำได้ทุกอย่าง นอกจากโทรเข้าโทรออก ถ่ายรูปสวย ประมวลผลการออกกำลังกาย จับคลื่นหัวใจ แปลภาษาด้วยเสียง เอาเป็นว่าทุกอย่างเท่าที่จะสรรค์สร้างมาสนองความต้องการได้
   
    6. นั่งหน้าจอก็ชอปได้
      ศักยภาพของโลกยุคโซเชียลมีเดีย เป็นที่น่าจับตาของผู้ค้าโดยทั่วไป แต่การที่จะเอากลวิธีอะไรมาดึงดูดผู้บริโภคนี่สิที่น่าติดตาม เพราะเมื่อความต้องการในตลาดมากย่อมเกิดการแข่งขันสูง ยุคนี้ไม่ว่าห้างใหญ่ห้างเล็ก ก้ได้นำสินค้าของตัวเองมาเปิดตลาดออนไลน์กันแล้ว เพราะผู้บริโภคไม่ต้องเสียเวลาขับรถไปเลือกซื้อ เพียงแต่อยู่ที่บ้าน หรือ ที่ทำงานก็ชอปได้สะดวกสบาย มีตัวอย่างห้างเทสโก้ที่เกาหลี เค้านำป้ายโฆษณาสินค้ามาตั้งโชว์ตามสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน และให้ผู้บริโภคสามารถเลือกซื้อสินค้า และชำระเงินได้เพียงใช้มือถือก็ชอปปิ้งได้เลย นี่เป็นการปรับตัวแนวใหม่เพื่อผู้บริโภค

     7. ดีล ดีๆของคนงก
       เว็บไซต์ดีลมีมากขึ้นในตลาดอีคอมเมริ์ซ และเพิ่มขึ้นทุกวัน หรือแม้กระทั่งการเดินชอปปิ้งก็ยังสามารถเชิญชวนให้เข้าเว็บไซต์ การสแกนบาร์โค้ดเพื่อเทียบราคาสินค้ากับท้องตลาดได้เลย พฤติกรรมนี้ยังทำให้เกิดการตลาด เรียล-ไทม์ ที่เรียกว่า Location-Based คือผู้บริโภคเปิดหาร้านค้าหรือบริการแล้ว สถานที่ไหนดีลดีกว่าก็เข้าใช้บริการที่นั่นได้เลย
        สิ่งที่นักการตลาดควรเรียนรู้จากพฤติกรรมนี้ คือ ถ้าสินค้าไม่มีความแตกต่างกันมาก ลูกค้าหรือผู้บริโภคก็จะวิ่งไปซื้อตามดีลที่ดีกว่า ดังนั้นถ้ามั่นใจว่าสินค้าหรือบริการมีความโดดเด่น ควรต้องดึงตรงนั้นมาเล่น เพื่อสร้างความชัดเจน ถ้าหาข้อแตกต่างไม่ได้ก็นำ Location-Based มาใช้เพื่อดึงดูดลูกค้าใหม่ และใช้โปรโมรชั่นเพื่อดึงลูกค้าเก่าไว้

                          







ID Line : 0816748606

















ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น