วันพฤหัสบดีที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ทำอย่างไรให้ตื่นจากฝันเพื่อสัมผัสธุรกิจให้เป็นจริง

    คนที่เริ่มต้นทำธุรกิจจะมีอยู่ 2 ทางเลือก คือ เริ่มที่จะทำธุรกิจอย่างตั้งใจแน่วแน่ กับ อีกอย่างคือมัวแต่คิดฝันว่าธุรกิจของตนเองก้าวไกล แต่ก็เป็นเพียงแค่ความเพ้อฝันเพราะไม่ลงมือปฎิบัติจริงสักที ซึ่งอย่างหลังเราเรียกว่า "ความกลัว" ไม่กล้าเริ่มที่จะลงมือ ความรู้ยังไม่พอขอศึกษาไปเรื่อยๆก่อน สะสมแต่ความรู้ วางแผนธุรกิจไว้เป็นร้อยๆแบบมีแต่แผนชั้นเลิศ แต่ไม่เคยนำแผนที่วางไว้มาลงมือปฎิบัติ เพื่อที่จะได้รู้ว่ามันใช้งานได้จริงรึเปล่า มีข้อบกพร่องที่ต้องปรับปรุงตรงไหนบ้าง พวกที่นอนคิดแต่ไม่ลงมือปฎิบัติ จำพวกนี้จะขาดแน่นอนอยู่อย่างนึงนั่นคือ "ประสบการณ์" ทำไมเราไม่ตื่นจากความฝันแล้วปลุกตัวเองให้มาสัมผัสกับธุรกิจที่มีอยู่ในโลกของความเป็นจริง โลกไม่ได้โหดร้ายกับคนที่คิดอยากจะรวย แถมยังสรรเสริญที่ท่านรู้จักที่จะเปลี่ยนตัวเองให้ดีขึ้นนั่นเอง

กระเทาะเปลือกความกลัว
  การที่คนเราจะทิ้งความฝัน แล้วเปลี่ยนตัวเองนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะทำไม่ได้ สำหรับคนที่มีความกลัวก็คงเป็นเรื่องที่ยากสักนิด วิธีที่เราจะขจัดความกลัวออกไปได้นั้น เราต้องรู้เสียก่อนว่าตัวเรากลัวอะไร เพื่อที่จะได้เริ่มต้นแก้ปัญหาที่มีอยู่ และเมื่อเราเจาะลงไปที่ปัญหาลึกๆแล้ว ก็จะพบว่าส่วนใหญ่คนที่ไม่กล้าเริ่มต้นธุรกิจจะกลัวอยู่ไม่กี่อย่าง เช่น กลัวการลงทุนสูง กลัวไม่คุ้มค่ากับการลงทุน กลัวธุรกิจเจ๊ง กลัวไม่ประสบความสำเร็จ (ขนาดมีวางแผนไว้แล้วยังกลัว) ซึ่งความกลัวที่กล่าวมาแล้วนั้นล้วนแต่เป็นความกลัวพื้นฐานสำหรับคนทีจะเริ่มธุรกิจ
    ถ้าอย่างนั้นลองย้อนถามกลับตัวเองสิว่า แล้วหลังจากนั้นหล่ะจะเกิดอะไรขึ้น เมื่อคุณไม่ลงมือทำ คุณจะรู้ได้อย่างไรว่าผลที่จะได้รับมันเป็นยังไง มันอาจจะไม่เป็นอย่างที่คุณกลัว ในทางกลับกันมันอาจจะสำเร็จอย่างที่คุณฝันไว้ก็ได้ ถามจริงๆนะครับว่า ตอนที่คุณฝันว่าธุรกิจของคุณจะประสบความสำเร็จอย่างไร คุณเคยคิดบ้างรึเปล่าว่าเวลาที่ธุรกิจมีปัญหาคุณเตรียมที่จะแก้ปัญหามันยังไง? ผมว่าน้อยคนที่คิดจะวางแผนรับมือกับปัญหาที่จะเกิดขึ้น เพราะคนทำธุรกิจส่วนใหญ่จะมองไปที่ผลกำไร จนลืมนึกถึงคำว่า "ขาดทุน" ไม่กล้าคิดเพราะกลัว รู้ว่าทำธุรกิจต้องมีกำไร ขาดทุน คิดเผื่อไว้บ้างก็ดีนะ
    อีกข้อที่ลืมไม่ได้ เป็นสิ่งที่อยู่คู่กับความกลัว คือ "ความเชื่อ" ซึ่งมีหลายรูปแบบตามแต่ใครจะจินตนาการออกมาได้ มีทั้งข้อดีและข้อเสีย อยู่ที่เราจะวางความเชื่อไว้ตรงไหน ทำให้เราเชื่อเค้า หรือ ทำให้เค้าเชื่อเรา ในทางธุรกิจเราส่วนใหญ่เราจะมีความเชื่อ แต่ที่ยังกลัวคือไม่ยอมรับความเชื่อนั้น เลือกที่จะหลอกตัวเองเพื่อสร้างความกล้าที่จะทำธุรกิจ เช่น รู้ทั้งรู้ว่าขาดทุน เจ๊ง มันมีอยู่จริง แต่เลือกที่จะไม่รับรู้ไม่ยอมรับ ปล่อยให้ธํุรกิจดำเนินไป พอวันนึงได้สัมผัสกับการขาดทุนก้ทำอะไรไม่ถูก เพราะไม่ได้เตรียมแผนรับมือกับปัญหาแบบนี้มาก่อน ตามมาด้วยธุรกิจเจ๊ง แต่ถ้าเรามีแผนวางไว้รับมือกับปัญหาคุณยังจะกลัวธุรกิจคุณเจ๊งอีกหรือไม่ 
    แต่การเริ่มต้น จะต้องเริ่มจากการที่เราลงมือทำเสียก่อน ไม่อย่างนั้นคงไม่รู้ว่าปัญหาอื่นๆจะมีอะไรบ้าง วางแผน ศึกษาข้อมูล ลงมือปฎิบัติ ประเมิณผลการทำงาน สูตรเริ่มต้นธุรกิจง่ายๆ

ความกลัวบอกอะไรเรา
    เมื่อเรารู้แล้วว่าเรากลัวอะไร ซึ่งแน่นอนความกลัวนั้นจะเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจริงในอนาคต แทนที่จะมัวกลัวว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น มันจะเป็นยังไง เราเอาเวลาส่วนที่ไปคิดตรงนั้นมาคิดที่จะเตรียมรับมือมันยังไงดีกว่า เปลี่ยนมุมมองที่ทำให้เกิดความกลัว มามองในมุมดีๆสร้างบรรยากาศให้กับธุรกิจที่เราจะทำจะดีกว่า อย่างที่เค้าบอกกัน เวลาที่เรามีความคิดดีๆ สมองมันจะรังสรรค์สิ่งบรรเจิด ให้เกิดกับตัวเรา อย่าไปหมกมุ่นกับปัญหาให้มากเกินไป "สติมีปัญญาเกิด เชื่อไว้เถิดจะเกิดผล"

เริ่มออกเดินทีละก้าว
    โดยปกติแล้วการเคลื่อนตัวไปข้างหน้า คนเราวิ่งจะเร็วกว่าแต่เวลาล้มโอกาสเจ็บตัวก็สูงกว่าและรุุนแรงกว่าเช่นกัน เปรียบกับการที่เราเดินช้าๆสะดุดขึ้นมาก็ยังทรงตัวได้ เช่นเดียวกับการทำธุรกิจ เมื่อเราออกตัวแรงลงทุนเยอะ เวลาที่ประสบปัญหาการขาดทุนมันก็จะทำให้เราหมดเงินมากขึ้นไปด้วย สืบเนื่องจากความกลัวเมื่อกลัวกับการขาดทุนมหาศาล ก็ลองเปลี่ยนวิธีคิด เป้าหมายของเราตั้งไว้ใหญ่เท่าเดิมแหล่ะ (สูตรนี้ใช้กับคนกล้าไม่ได้นะ เพราะถ้าเค้ากล้า เค้ายอมเสี่ยงทุกอย่างอยู่เเล้ว)  แต่ซอยเป้าหมายให้เป็นลำดับ เหมือนก่อสร้างอาคารต้องเริ่มจากวางฐานราก  แล้วจึงสร้างชั้นที่ 1 ที่2 ตามลำดับ ธุรกิจเราเองก็เช่นกัน ถ้าซอยเป้าหมายไว้เป็นลำดับขั้นแล้ว เวลาที่ประสบปัญหามันก็จะเจอกับปัญหาที่เล็กลง แก้ไขง่ายขึ้น เป้าหมายขั้นที่1 สำเร็จ เราเริ่มลงมือสร้างเป้าหมายที่ 2 
     ทำอย่างนี้แล้วเราก็ไปถึงเป้าหมายได้เหมือนกัน แถมไปได้อย่างมั่นคง ไม่ต้องกลัวลื่นหรือล้ม เพราะยังไงก็ทรงตัวอยู่ และยังได้รู้จักการแก้ปัญหาเป็นขั้น เป็นตอนอีกด้วย
     แต่ถ้ากลัวว่าวิธีคิดนี้มันช้าไป ตัวเราอาจหมดไฟไปซะก่อน ก็ลองหาแนวทางอื่นๆดูบ้างก็ได้ เช่นการกดดันตัวเอง กำหนดกรอบเวลาในการมุ่งไปสู่เป้าหมายให้สำเร็จ แต่อย่ากดดันมากเกินไปจนเวลาทำไม่ได้ขึ้นมาก่อให้เกิดความกังวลอีก


เชื่อมั่นว่าเรากำลังทำอะไรอยู่
    ในบางครั้งไม่ว่าจะหาข้อมูล หรือ ทดลองมาดีสักแค่ไหนก็ไม่อาจหาตัวเลือกที่เหมาะสมได้ ลองหันกลับมาใช้สัญชาตญาณในตัวเอง ปลุกความเชื่อมั่นในตัวดูสักครั้ง มองแง่มุมดีๆสร้างความเชื่อว่าเราทำได้ และใช้สติทบทวนว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ ถ้าหากเครียดมากๆก็หากิจกรรมทำให้ตัวเองรู้สึกผ่อนคลาย สมองโปร่งใส เช่น การออกกำลังกาย เล่นกีฬา ฟังเพลง พาตัวเองออกไปชิวบ้าง สมองจะได้คิดอะไรดีๆออกมา แล้วก็จะมีช่องทางดีๆมาหาเราเอง

                                                **********************************

     มีหลายๆไอเดียธุรกิจมากมายเลยนะ ที่สรรค์สร้างอยู่แต่บนกระดาษ แต่ไม่มีอยู่จริงในชีวิตประจำวันของเรา ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ทุกคนจะมีความกลัว แต่จงอย่าให้ความกลัวมาฉุดรั้งเราจนไม่กล้าทำอะไร จงรู้จักความกลัวแล้วเรียนรู้วิธีที่จะแก้ปัญหาจากมัน ใช้ความกลัวให้เป็นประโยชน์ แล้วเริ่มลงมือสร้างธุรกิจจากความฝันของคุณให้เป็นจริง




http://www.p-seangthong.ws/

Facebook : Pattapron Seangthong


ID Line : 0816748606


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น