7 เทคนิคสร้างชีวิตให้มั่งคั่ง
1. หาความรู้ให้ตัวเอง
คนเราไม่ได้เก่งมาตั้งแต่เกิด ความรู้ที่มีก็เหมือนกันการที่คนเราจะหาความรู้ให้ตัวเองไม่แปลก สิ่งที่เรารู้บางทีมันอาจยังไม่พอก็ได้ ยิ่งปัจจุบันนี้ความรู้มีการแบ่งปันกันเยอะแยะ อะไรที่ดีก็หามาใส่ตัวเข้าไปทุกอย่างมันเป็นประโยชน์ทั้งนั้น มันขึ้นอยู่ที่การเอาไปปรับใช้
2. สานความสัมพันธ์ในการทำงาน
ทุกงานที่ทำคงไม่สามารถทำคนเดียวให้ดีได้ ต้องอาศัยผู้ร่วมงานไม่ใช่เฉพาะในที่ทำงานแต่ยังรวมถึงคนที่เราทำงานด้วย ถ้ายิ่งเป็นผู้ที่มีตำแหน่งสูงกว่าคนอื่นแล้วละก็ข้อนี้ต้องเน้นให้หนักเลย ถ้าดูแลเพื่อนร่วมงานไม่ดี งานที่ออกมาคงประสิทธิภาพด้อยลง
3. แบ่งปันดีกว่าแข่งขัน
ในที่นี้หมายถึงการแบ่งปันความรู้ที่มี ไม่ใช่เฉพาะในงานแต่สังคมคนรอบข้างก็เช่นกัน ยิ่งช่องทางการแบ่งปันมีหลายช่องทางแบบนี้ง่ายเลย การให้แม้เป็นเพียงสิ่งเล็กน้อยแต่บางครั้งอาจมีความหมายกับคนที่ต้องการ เห็นโพสต์ที่น่าเบื่อเห็นอะไรที่ดีบ้างก็เข้าท่านะ
4. ประสบการณ์แย่ๆก็มีข้อดีนะ
ต่อจากข้อที่แล้ว ความรู้ก็มีหลายด้านบางทีด้านแย่ๆก็เป็นตัวช่วยให้เรานำกลับมาคิดมองตัวได้เหมือนกัน เพราะก่อนที่คนจะประสบความสำเร็จต้องมีอุปสรรคบ้าง แต่เราต้องดูวิธีแก้ปัญหาของเค้าต่างหาก ประสบการณ์สอนคนได้ดีกว่าตำราเสียอีก
5. ซื่อสัตย์
สั้นๆแต่มีความหมายเพราะการงานใดๆที่ขาดความซื่อสัตย์แล้วไซร้ งานนั้นย่อมหาความก้าวหน้าได้ยาก ไม่ซื่อกับคนอื่นว่าแย่แล้วไม่ซื่อกับตัวเองแย่ยิ่งกว่า ความจริงใจสำคัญกับการทำงานทำดีไปเถอะวันนึงความดีมันจะส่งผลกลับมาอย่างไม่น่าเชื่อ
6. รู้จักจัดการ รายรับ-รายจ่าย
ไม่ใช่การประหยัดนะแต่ต้องเรียกว่า "การจัดการรายได้อย่างคุ้มค่า" ลองคิดดูสิครับถ้าเราใช้เงินมากกว่าที่หาได้ในแต่ละเดือนแล้ว ส่วนที่ใช้เกินไปมันคือหนี้สิน สิ่งที่ไม่มีใครอยากเจอ แต่ถ้าเราใช้น้อยกว่ารายได้นั่นคือ เงินออม นี่สิสิ่งที่หลายคนปราถนา แค่ข้อนี้ข้อเดียวก็ทำให้มีรวยมากกว่าเดิมแล้ว การที่เลือกจ่ายเงินให้กับสิ่งที่คุ้มค่ามันไม่ใช่แค่ประหยัดอย่างเดียว มันหมายถึงอนาคต
7. ไม่ได้อยู่คนเดียวในโลกอย่าลืม
ต้องรู้จักยอมรับตัวเองซะบ้าง ทำอะไรไม่ได้ก็บอกคนอื่นบ้าง บางทีคนอื่นอาจให้แง่คิดข้อคิดเห็นได้ดีกว่าเรา เหมือนที่ขึ้นต้นไว้คนเราไม่ได้เก่งมาตั้งแต่เกิด แต่ก็อย่าลืมความเป็นตัวตนนะ ไม่ใช่ให้เค้าช่วยแล้วต้องเชื่อเค้าทั้งหมด
ถ้าคุณบอกกับตัวเองว่าเรารวยได้ เราก็รวยได้ คุยกับตัวเองให้กำลังใจตัวเอง มีปัญหาก็บอกตัวเองให้สู้ ลองใช้วิธีนี้ดูนะ ยืนนิ่งๆหลับตา หายใจเข้าให้เต็มปอด ค่อยๆหายใจออกยาวๆ ทำสัก 5 ครั้ง แล้วค่อยๆลืมตา เป็นไงครับรู้สึกโล่งรึเปล่า แล้วคุณจะมีสติเอาไว้แก้ปัญหาต่างๆได้
http://www.p-seangthong.ws
Facebook : Pattapron Seangthong
Line ID : 0816748606
ดูแลเครือข่ายอย่างไร ให้ประสบความสำเร็จ
การที่เราเป็นผู้บริหาร หรือ ที่ปรึกษาให้กับเครือข่ายที่ต้องดูแลเหล่า Marketers หรือที่เรียกอีกอย่างว่า "นักการตลาด" ในที่นี้จะกล่าวถึงผู้ดูแลสายงาน ที่คอยให้คำปรึกษาและป้อนความรู้ที่จำเป็นให้ Marketers แล้วมีอะไรบ้างหล่ะที่พี่เลี้ยงควรมี ลองมาดูกัน
1. อย่าเจาะจงเป้าหมาย
ธุรกิจเครือข่ายหลายเจ้าล้วนแต่มีเป้าหมาย ไปในทิศทางเดียวกันทั้งสิ้น หนึ่งในเป้าหมายหลักก็คือ ขยายเครือข่าย ซึ่งก่อให้เกิด Marketers หน้าใหม่เพิ่มมากขึ้น และถ้าอยากให้มีประสิทธิภาพคุณต้องให้เค้าเหล่านั้น ตั้งเป้าหมายของเค้าเอง เราได้แต่แนะแนวทางให้ คุณว่าถ้าให้ Marketers กำหนดเป้าหมายด้วยตัวเองประหนึ่งว่าธุรกิจที่เค้ากำลังทำอยู่เป็นของเค้าเอง เป้าหมายของเค้าจะยิ่งใหญ่แค่ไหน
และเชื่อได้เลยว่า พวกเค้าเหล่านั้นจะไม่ทิ้งธุรกิจของตัวเองไปแน่นอน แม้อุปสรรคจะหนักเพียงใด โดยที่คุณไม่จำเป็นต้องไปปลุกเค้าด้วยคำว่า " สู้ สู้ สู้ " หรอก เพียงแต่ทำตามข้อถัดไป
2. อย่ากั๊ก
ในที่นี้คือ มีความรู้ทักษะ หรือ กลยุทธ อะไรโยนใส่เค้าให้หมด อย่าเสียดายมัวหวงวิชา เพราะการที่คุณเข้ามาทำธุรกิจเครือข่าย คุณต้องการอิสระทางการเงิน หรือ ทำน้อยแต่ได้เงินมาก ซึ่งจะเกิดอย่างนั้นได้คุณต้องสร้างระบบ แล้วให้ระบบทำงานแทนคุณ Marketers ก็คือหนึ่งในระบบที่คุณสร้าง ถ้ามัวแต่กั๊กแล้วเมื่อไหร่ระบบจะทำงานเองได้โดยอัตโนมัติ
แต่ไม่ใช่ไปจับมือเค้าทำนะ แค่เอาทุกอย่างที่มีมาวางแล้วให้เค้าศึกษาเรียนรู้ด้วยตัวเอง ธุรกิจของคุณนี่ คุณไม่ทำใครจะทำ ขนาดนักธุรกิจร้อยล้าน หมื่นล้าน เค้ายังเรียนรู้และพัฒนามาจากประสบการณ์ตัวเองทั้งนั้น อยากจะรวยต้องช่วยตัวเองก่อน
นี่ดีแค่ไหนมีที่ปรึกษาคอยให้ความรู้และคำแนะนำ เป็นใครก็อยากทำงาน เว้นเสียแต่คนที่วัน วัน หาแต่ข้ออ้างมาสนับสนุนความขี้เกียจของตัวเอง
3. การสื่อสารเป็นกลุ่ม
ถูกที่เป้าหมายเราให้ Marketers แต่ละคนกำหนดเอง แต่การติดต่อสื่อสาร ที่ต้องกำหนดทิศทางให้เหมือนกันยังคงต้องมี เพราะอย่างไรก็ตามเราอย่าลืมเป้าหมายหลักขององค์กรหรือบริษัท และในยุคปัจจุบันตัวช่วยที่จะรวมตัวกันในสายงานแบบฟรีๆ ก็มีเยอะ อย่าง Facebook group และอื่นๆอีกมากมาย
การทำงานเป็นทีมย่อมเห็นผลกว่าลุยเดี่ยวอยู่แล้ว ด้วยลักษณะงานที่ต้องการเพิ่มจำนวนด้วยแล้วละก็ ยิ่งจำเป็นต้องมีความเข้าใจในหลักการเดียวกัน ถ้ามีใครแหกคอกไปทำอีกอย่างเมื่อใด อาจนำผลเสียย้อนกลับมาหาองค์กรทั้งหมด อีกอย่างก็ง่ายต่อการกระจายความรู้ทำให้สายงานรู้จักกันเอง ใครเคยเจอปัญหาอะไรก็มาปรึกษาเพื่อหาทางแก้ไขได้อีกด้วย
4. ให้เกีรยติผู้ร่วมงาน
ในการที่จะเป็นผู้นำที่ดี ควรยอมรับฟังความคิดเห็นต่างจากผู้อื่นบ้าง เพราะคนเราไม่ได้เก่งไปซะทุกอย่างหลอก การที่ให้ Marketers ได้แสดงความคิดเห็น มันก็ยิ่งเป็นการฝึกทักษะในทางหนึ่งและอีกทาง เราจะได้รู้ถึงความคิดของเค้าว่าที่ผ่านมาในการทำงาน เค้าคิดเหมือนกันกับเรารึเปล่า จะได้ปรับแก้ได้ด้วย
การที่ต้องดูแลคนๆนึงให้ประสบความสำเร็จนั้นว่ายากแล้ว แต่การที่จะรักษาคนๆนั้นไว้ยากยิ่งกว่า Marketers หลายคน พอเห็นโอกาสที่จะก้าวหน้าในสายงานไหนมักไม่ค่อยลังเลที่จะตัดสินใจกระโดดเข้าไปทำ ไม่มีใครไม่นึกถึงอนาคตใช่มั๊ย แต่ถ้า "พี่เลี้ยง" อย่างคุณดูแลเค้าดีๆ ผลตอบแทนไม่เอาเปรียบกัน เค้าก็จะอยู่กับคุณนาน ดีกว่าปล่อยเค้าไปแล้วตัวเองต้องมานั่งหาคนใหม่ๆเข้ามาเติมเต็ม
การที่ธุรกิจใดธุรกิจหนึ่งจะประสบความสำเร็จนั้น ประกอบด้วยปัจจัยหลายอย่าง และผมคิดว่าคงไม่มีนักธุรกิจคนไหนจะสำเร็จตั้งแต่เริ่ม ล้วนแต่ต้องผ่านอะไรมาทั้งสิ้น ฉนั้นการที่เราจะเริ่มธุรกิจใดๆจงอย่ามัวแต่คิด ให้ลงมือทำเลยแต่อย่าลงแบบหมดตัวนะ ต้องค่อยเป็นค่อยไป ปรับแก้กันไปจนกว่าจะลงตัว
" ธุรกิจคุณเองนะ คุณไม่ทำแล้วใครจะทำ "
ID Line : 0816748606